ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต |
ธรรมชาติบำบัด
เขียนโดย Mr.Jacob Vadakkanchary
แนะนำให้รับประทานอาหารมังสวิรัติ ไม่แนะนำให้อาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ เช่น หมู ปลา ท่านบรรยายว่าถ้านำเนื้อสัตว์ไปทิ้งไว้ในตู้หลายๆวันก็จะมีกลิ่นเหม็นเน่ามี สารพิษ เหมือนกับ คนที่รับประทานเนื้อสัตว์ไปหมักหมมอยู่ในลำไส้ ร่างกายก็จะได้รับสารพิษนั้นด้วย
ในกรณีคนที่ปวดศีรษะเนื่องจากเป็นเนื้องอกที่สมอง จริงๆแล้วกลไกของร่างกายต้องการให้หยุดทำงาน หากรับประทานยาแก้ปวดศีรษะ อาการปวดบรรเทาก็ยังคงทำงานต่อไปได้ เนื้องอกก็จะลุกลามต่อไป จึงควรที่จะรักษาโดยธรรมชาติบำบัด (Health Life Style) การรับประทานยาต่างๆ เช่น Brufen, Paracetamol, Penicillin, Tetracycline ซึ่งจะมีพิษต่อตับ และไต ยาจะให้ผลดีในระยะสั้น แต่จะเกิดผลเสียในระยะยาว
ทุกวันนี้คนเราป่วยเพราะมีสารพิษตกค้างในร่างกาย การบริโภคอาหารแต่ละชนิดใช้เวลาในการย่อยไม่เหมือนกัน เช่น เนื้อสัตว์ใช้เวลาในการย่อยนานถึง 12 ชั่วโมง ขณะที่ผักดิบใช้เวลาย่อย 2 ชั่วโมง 30 นาที ส่วนน้ำผลไม้ใช้เวลาย่อยเพียง 1 ชั่วโมง

ในการรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานที่เป็นแผลเรื้อรัง
เมื่อผู้ป่วยมีอาการเป็นแผลตามแขนขาซึ่งเป็นแผลที่รักษาไม่หาย
อาจจะต้องตัดอวัยวะส่วนที่เป็นแผลทิ้ง Jacob
รักษาโดยวิธีธรรมชาติบำบัดอย่างง่ายๆ ด้วยการให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานใช้
รับประทาน raw diet (อาหารดิบ น่าจะหมายถึงผักผลไม้สด) ใช้สมุนไพร tamaric
root (พืชเป็นหัวใต้ดินตระกูลขิงข่าขมิ้น) และ น้ำเย็น ล้างแผล วันละ 2 - 3
ครั้ง แล้วให้ผู้ป่วยตากแดด เน้นเรื่อง การตากแดด แผลนั้นก็จะค่อยๆแห้ง และ ยุบจนกระทั่งแผลหาย
การรักษาผู้ป่วยเป็นไมเกรน หรือ ไซนัส การล้างจมูกด้วยน้ำอุ่นผสมเกลือจะช่วยชำระล้างของสกปรกออกจากร่างกาย หรือล้างตาในน้ำสะอาด จะทำให้ระบบประสาทตาเย็นลง และช่วยขจัดไขมัน
Jacob กล่าวว่า หากคนเราดูแลเรื่องอาหารการกิน ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติ ไม่รับประทานยา เพราะยาไม่เพียงแต่ ฆ่าเชื้อโรคเท่านั้น แต่ยังทำลายภูมิต้านทานโรคในร่างกาย ยาแผนปัจจุบันแม้จะช่วยยับยั้งอาการปวดหรืออาการไข้ แต่นั่นก็เป็นเพียงการกดอาการ ไม่ได้เป็นการรักษาให้หายขาด การรักษาอยู่ที่ตัวของเราเองที่หันมารักษาตามแนวทางธรรมชาติบำบัด วิชาธรรมชาติบำบัดขนานแท้ไม่ใช่หมอบำบัดคน หมอเป็นเพียงผู้ให้คำแนะนำปรึกษา จากนั้นผู้ป่วยจะเป็นผู้บำบัดเอง วิชาธรรมชาติบำบัดเปรียบเปรยให้เห็นว่า ห้องครัวก็คือโรงพยาบาล คุณแม่ก็เหมือนหมอในบ้าน จะทำให้คนในบ้านเจ็บป่วยหรือสุขภาพดี ก็ขึ้นอยู่กับคุณหมอคนนี้
การรักษาผู้ป่วยเป็นไมเกรน หรือ ไซนัส การล้างจมูกด้วยน้ำอุ่นผสมเกลือจะช่วยชำระล้างของสกปรกออกจากร่างกาย หรือล้างตาในน้ำสะอาด จะทำให้ระบบประสาทตาเย็นลง และช่วยขจัดไขมัน
Jacob กล่าวว่า หากคนเราดูแลเรื่องอาหารการกิน ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติ ไม่รับประทานยา เพราะยาไม่เพียงแต่ ฆ่าเชื้อโรคเท่านั้น แต่ยังทำลายภูมิต้านทานโรคในร่างกาย ยาแผนปัจจุบันแม้จะช่วยยับยั้งอาการปวดหรืออาการไข้ แต่นั่นก็เป็นเพียงการกดอาการ ไม่ได้เป็นการรักษาให้หายขาด การรักษาอยู่ที่ตัวของเราเองที่หันมารักษาตามแนวทางธรรมชาติบำบัด วิชาธรรมชาติบำบัดขนานแท้ไม่ใช่หมอบำบัดคน หมอเป็นเพียงผู้ให้คำแนะนำปรึกษา จากนั้นผู้ป่วยจะเป็นผู้บำบัดเอง วิชาธรรมชาติบำบัดเปรียบเปรยให้เห็นว่า ห้องครัวก็คือโรงพยาบาล คุณแม่ก็เหมือนหมอในบ้าน จะทำให้คนในบ้านเจ็บป่วยหรือสุขภาพดี ก็ขึ้นอยู่กับคุณหมอคนนี้
วิธีการอดอาหารเพื่อล้างพิษ เป็นทางเลือกหลักของวิชาธรรมชาติบำบัด บางคนอาจอดอาหาร 7 วัน บางคนอดอาหาร 14 วัน แต่บางคนอาจต้องอดอาหารถึง 21 วัน แล้วแต่อาการของโรค ก่อนการอดอาหารต้องเตรียมความพร้อมก่อน โดยให้รับประทานผักและผลไม้เพื่อปรับสภาพร่างกาย 3 วัน หลังจากนั้น 4 วันแรก ให้ดื่มน้ำเปล่าอย่างเดียว อีก 3 วัน ต่อมาให้ดื่มน้ำผึ้งผสมน้ำมะนาว และ 3 วันสุดท้าย ให้ดื่มน้ำผลไม้ จากนั้นค่อยๆปรับสภาพร่างกายโดยให้รับประทานผักสดและผลไม้ แล้วกลับมาใช้ชีวิตปกติตามเดิม
ในรายผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็ง อาจให้อดอาหาร 20 วัน เพื่อไม่ให้มะเร็งเจริญเติบโต ระหว่างนั้นจะให้น้ำผลไม้อ่อนๆ ให้เอาผ้าเปียกมาประคบบริเวณที่มีอาการปวดจะทำให้เลือดหมุนเวียนได้ดีขึ้น เพราะระบบภายในของผู้ป่วยโรคมะเร็งจะสูญเสียสมดุลเกือบหมด ระหว่างการรักษา หากผู้ป่วยมีอาการไข้นอนซม หมอธรรมชาติบำบัดจะรู้สึกดีใจ เพราะเป็นวิธีการที่ธรรมชาติรักษาตัวเอง อุณหภูมิในร่างกายผู้ป่วยสูงขึ้นเพื่อฆ่าเชื้อโรค Jacob บอกว่า เมื่อผู้ป่วยภาวนาจนเกิดอาการไข้สูงต้องนอนซม 4 - 5 วันนั้น เป็นการส่งสัญญาณว่าการรักษาได้ผล บางครั้งผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บคอ ปากขมไม่อยากรับประทานอาหาร เพราะร่างกายต้องการเยียวยาตัวเอง หากผู้ป่วยมีอาการเจ็บปวดบริเวณที่เป็นโรคมะเร็งก็จะใช้โคลนพอกเพื่อช่วย บำบัดอาการเจ็บปวด นอกจากนี้ยังใช้วิธีฝึกเปลี่ยนจิตของผู้ป่วยด้วยการให้ฝึกภาวนาและเปลี่ยน วิธีคิดของผู้ป่วย โดยให้คิดว่าวันนี้อาการดีขึ้น หรือ ให้ผู้ป่วยด้วยกันช่วยกันเยียวยาจิตใจ เช่น ให้พูดบอกกันว่า วันนี้อาการดูดีขึ้นนะ
วิชาธรรมชาติบำบัดมีหลักว่า จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว หากจิตตาย ร่างกายจะตายด้วย Dr. Jacob กล่าวว่า การฝึกโยคะก็เป็นอีกวิธีหนึ่งของการรักษาเพื่อให้เข้าถึงจิตตัวเอง คนทั่วไปมักจะนึกว่าเราเป็นเจ้าของร่างกาย แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่ ต้องกลับไปดูที่จิต ตัวอย่างเช่น คนที่ออกกำลังกายในโรงยิม ก็เหมือนคนภาวนาเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง เพราะจิตบอกว่าออกกำลังกายเพื่อให้มีกล้าม ต่างจากกรรมกรที่แบกหาม กล้ามเนื้อจะไม่สมบูรณ์เหมือนคนออกกำลังกายในโรงยิม เพราะจิตไม่ได้สั่ง
กิจกรรมในสถานพยาบาลของศูนย์ธรรมชาติบำบัด นวชีวัน มีกำหนดการฝึกเป็นเวลา คือ
6.00 น. - ฝึกโยคะ นุ่งห่มชุดขาว เป็นการฝึกกายและจิต โดยใช้แสงแดดในการรักษา
- ล้างตาด้วยน้ำธรรมดา ล้างจมูกด้วยน้ำเกลืออุ่นๆ ล้างคอด้วยน้ำมะนาวผสมเกลือในน้ำอุ่นๆ สวนทวาร (detoxification) โดยใช้น้ำสะอาดครั้งละ 6 ออนซ์ ผู้ป่วยโรคมะเร็งต้องปฏิบัติทุกวัน ส่วนคนปกติธรรมดาควรล้างพิษด้วยการสวนทวารสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
- กินผักสดดิบที่ได้มาจากธรรมชาติ โดยไม่ต้องทำให้สุกก่อน
- อาหาร วิธีการปรุงอาหารอย่างไร ? ผสมกับอะไรจึงจะไม่เป็นพิษ การรับประทานอาหารที่เป็นธรรมชาติสดๆ หรือหากต้องรับประทานน้ำตาลก็ควรรับประทานน้ำตาลแดงที่ไม่ได้ใช้สารฟอกสี
- ใช้วารีบำบัด โดยแช่ร่างกายส่วนล่างถึงระดับสะโพกในถังน้ำ ใช้น้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่นครั้งละครึ่งชั่วโมง ความเย็นของน้ำจะช่วยดึงเลือดมาเลี้ยงบริเวณกระเพาะเพื่อซ่อมแซมตัวเอง
- ใช้ Spinal Bath ในผู้ป่วยที่มีอาการแขน ขา อ่อนแรง
13.00 น. - ให้อดอาหาร ให้ดื่มน้ำ หรือน้ำผลไม้ โดยดูจากอาการของผู้ป่วยเป็น ราย ๆ ไป
17.00 น. - เล่นเกม เข้านอน 21.00 น.
คำขวัญของศูนย์ธรรมชาติบำบัดนวชีวัน คือ “ เข้ามาคุณเป็นคนไข้ กลับออกไปคุณเป็นหมอ “
ถอดความโดย นางจุฑา ลิ้มสุวัฒน์ บันทึกรายงาน
ที่มา : การบรรยาย เรื่อง "ธรรมชาติบำบัด"
โดย Mr.Jacob Vadakkanchary
วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2546 เวลา 13.00–16.00 น.
ณ ห้องประชุมเบญจกูล สถาบันการแพทย์แผนไทย
กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
http://www.thaicam.go.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น