จิตแจ่มใสเมื่อไกลโทรศัพท์
โดย ภาวัน
โดย ภาวัน
ในยุคที่ผู้คนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารอย่างรวดเร็วและไม่มีขีดจำกัดนั้น
โปรแกรมหนึ่งซึ่งกำลังได้รับความนิยมในหมู่คนทำงานระดับสูงก็คือ โปรแกรมชื่อ
Freedom คุณสมบัติของโปรแกรมนี้ก็คือตัดการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตนานถึง
๘ ชั่วโมง ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องรับข้อมูลข่าวสารใด ๆ จากคอมพิวเตอร์
สาเหตุที่โปรแกรมนี้ได้รับความนิยมก็เพราะผู้คนจำนวนมากขึ้นรู้สึกว่าตน
กำลังถูกข้อมูลท่วมทับและกระหน่ำอยู่ตลอดเวลาจนไม่เป็นอันทำงาน
ทำให้คุณภาพของงานถดถอย รวมทั้งทำให้ชีวิตของตนแย่ลง
การสำรวจของรอยเตอร์พบว่า
๒ใน ๓
ของผู้จัดการรู้สึกว่าภาวะข้อมูลท่วมท้นนั้นทำให้มีความพอใจในงานน้อยลงและ
บั่นทอนความสัมพันธ์ส่วนตัว
ขณะที่ ๑ ใน ๓ คิดว่ามันได้ทำลายสุขภาพของเขา
ภาวะข้อมูลท่วมท้นนั้นกำลังเป็นปัญหาใหญ่ของผู้คนในสังคมไฮเทค
ตั้งแต่ตื่นเช้าจนเข้านอน
ข้อมูลนานาชนิดหลั่งไหลสู่โสตประสาทไม่ได้หยุด
ทั้งทางโทรทัศน์ วิทยุ ป้ายโฆษณา
แต่นั่นก็คงไม่หนักเท่ากับข้อมูลทางคอมพิวเตอร์
โทรศัพท์มือถือ หรือแบล็คเบอรี่
ซึ่งคนส่วนใหญ่เปิดรับวันละหลายชั่วโมงหรือเปิดเครื่องทั้งวันทั้งคืน
ยิ่งในเวลาทำงานด้วยแล้ว ข้อมูลเหล่านี้หลั่งไหลมาต่อเนื่องไม่หยุด
มีการวิจัยพบว่าพนักงานออฟฟิซในสหรัฐอเมริกาและยุโรปสามารถทำงานต่อเนื่อง
ได้เพียง
๓ นาทีเท่านั้นโดยไม่มีอะไรมาขัดจังหวะ
สิ่งที่มาแทรกระหว่างทำงานนั้นส่วนใหญ่มิใช่อะไรอื่น
หากได้แก่ โทรศัพท์ อีเมล์ และ sms
ข้อมูลเหล่านี้แม้จะเกี่ยวกับเรื่องงานการ
แต่ก็ส่งผลให้คนทำงานขาดสมาธิ ใจไม่จดจ่อกับงานที่กำลังทำ ผลก็คือ
คุณภาพของงานลดลง
ความคิดสร้างสรรค์ถดถอย
หลายบริษัทหันมาให้ความสำคัญกับปัญหานี้มากขึ้น
เมื่อ
๓-๔ ปีก่อน อินเทลได้ทดลองให้เช้าวันอังคารเป็นช่วง
"สงบ"สำหรับวิศวกรและผู้จัดการ
๓๐๐ คน โดยตลอด ๔
ชั่วโมงดังกล่าวไม่อนุญาตให้พนักงานใช้โทรศัพท์หรือส่งอีเมล์
ทั้งนี้เพื่อให้มีสมาธิกับงาน สามารถคิดการงานต่าง ๆ
ได้อย่างต่อเนื่อง
ปรากฏว่าได้ผลดีจนมีการเสนอให้นำไปใช้กับพนักงานกลุ่มอื่น
ๆ ด้วย
ในระดับบุคคล หลายคนเลือกใช้วิธีปิดเครื่องโทรศัพท์มือถือ
นิตยสารนิวสวีคเมื่อต้นปีนี้ขึ้นปกด้วยเรื่อง "๓๑ วิธีที่ช่วยให้ฉลาดขึ้นและคิดเร็วขึ้น"
วิธีหนึ่งที่เสนอก็คือ "โยนสมาร์ทโฟนของคุณทิ้งเสีย" เพราะ "การเช็คอีเมล์อยู่เนือง
ๆ นั้นบั่นทอนสมาธิและลดทอนผลิตภาพของคุณ" ควบคู่กับวิธีการดังกล่าวก็คือ
การติดตั้งโปรแกรมFreedom ซึ่งช่วยให้จดจ่อกับงานที่อยู่ข้างหน้า
ทุกวันนี้มีผู้คนเป็นอันมากโหยหาช่วงเวลาที่ปลอดข้อมูลข่าวสาร
ปิโค อิเยอร์ นักเขียนชื่อดังของนิตยสารไทม์ พูดถึงเพื่อนนักหนังสีอพิมพ์สองคนที่ถือศีล
"อินเตอร์เน็ตวิรัติ"ทุกอาทิตย์ โดยปิดเครื่องมือสื่อสารทุกอย่างตั้งแต่ค่ำวันศุกร์จนถึงเช้าวันจันทร์
เพื่อจะได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวและตัวเองมากขึ้น ส่วนเพื่อนอีกหลายคนนิยมออกไปเดินเล่นไกล
ๆ ในวันอาทิตย์เพื่อห่างไกลจากติดต่อสื่อสารทางโทรศัพท์ หรือไม่ก็ออกไปพักแรมในชนบท
ที่ซึ่งไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต หลายคนพบว่า สมาธิและความจำดีขึ้น ความคิดแจ่มชัดและเฉียบคมกว่าเดิม
ปัจจุบันถึงกับมีรีสอร์ตบางแห่งในอเมริกาที่ยกโทรทัศน์ออกไปจากห้อง
แม้กระนั้นก็ยังมีคนจำนวนมากยอมจ่ายคืนละ ๒,๒๐๐ เหรียญเพื่อพักห้องดังกล่าว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในอนาคต สถานที่หรือบริการที่เปิดโอกาสให้ผู้คนได้อยู่เงียบ
ๆ กับตัวเองหรือใกล้ชิดกับคนในครอบครัว จะได้รับความนิยมมากขึ้น
เดี๋ยวนี้ใคร ๆ มักจะบ่นว่าชีวิตเร่งรีบมากขึ้น มีเวลาว่างน้อยลง
และเครียดกว่าเดิม หลายคนโทษสภาพแวดล้อมในเมืองที่วุ่นวาย แต่ลืมมองไปว่า
ตนเองก็มีส่วนไม่น้อยที่ทำให้วิถีชีวิตของตนอยู่ในภาวะดังกล่าวเวลาในแต่ละวันไม่เพียงหมดไปกับการทำมาหากินเท่านั้น
แต่จำนวนไม่น้อยยังถูกใช้ไปกับการบริโภคสิ่งต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลข่าวสาร
ถ้าเราเพียงแต่บริโภคให้น้อยลง จะพบว่าเรามีเวลาว่างมากขึ้น สุขภาพกายและสุขภาพจิตดีขึ้น
ความเครียดน้อยลง
ข้อมูลนั้นมีประโยชน์ตราบเท่าที่เราเป็นนายมัน สามารถควบคุมมันให้อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสมได้
แต่หากมันกลายเป็นนายเราเมื่อใด ยอมให้มันแย่งชิงเวลาเราไปเท่าไรก็ได้ ชีวิตเราก็ย่ำแย่เมื่อนั้น
*******
รวมมิตรจาก http://www.visalo.org
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น