หนูน้อย 4 ขวบยอดกตัญญู! ตัวคนเดียว ดูแลพ่อพิการ-แม่อัมพาต
*******
เด็ก 4 ขวบสามารถทำอะไรได้บ้าง? เชื่อว่าส่วนใหญ่คงซุกอยู่
สื่อจีนรายงานว่า หนูน้อยผู้นี้มีชื่อว่า "ซุนเย่ว์" เนื่องจากรับประทานแต่แป้งเปียกต้ม โจ๊กและผักดอง รูปร่างหน้าตาของหนูน้อยจึงค่อนข้างซูบเซียวเพราะขาดสารอาหาร วันที่ผู้สื่อข่าวจีนเดิ
จาก การสำรวจภายในบ้าน พบว่าบ้านของหนูน้อยซุนเย่ว์ แท้จริงคือห้องเล็กๆ ตีจากไม้กระดานและดินโคลน ความกว้างสิบกว่าตารางเมตร ที่ผนังสี่ด้านแปะแผ่นพลาสติ
ซุน เย่ว์หมิน ปัจจุบันอายุ 46 ปี เล่าด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงว่า เขาและ จานเจวียน ผู้เป็นภรรยาแต่งงานกับเมื่อปี พ.ศ. 2531 กระทั่งปีพ.ศ. 2537 จึงพากันไปรับจ้างหาปลาแถบลุ่มแม่น้ำอูซูหลี่ เนื่องด้วยภรรยาต้องการหาเงินให้ได้มากๆ จึงมักจะลงไปจับปลาท่ามกลางกระแสน้ำที่หนาวเย็นของฤดูหนาว จนกระทั่งเป็นโรคเหน็บชาขั้นรุนแรง ต่อมาปี พ.ศ.2542 ก็เกิดเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบตาม มา ทำให้ตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา ครอบครัวต้องเป็นหนี้นอกระบบราว 7-8 หมื่นหยวน(ราว 3.5-4 แสนบาท)เพื่อนำเงินมารักษาภรรยา สุดท้ายอาการของจานเจวียนดีขึ้นเล็กน้อย สามารถลุกขึ้นมาทำอาหารง่ายๆ ได้บ้าง
ต่อมาภรรยาผมก็ตั้งครรภ์ แน่นอนเราทั้ง สองควรควรจะดีใจ แต่ผมกับภรรยาทุกข์หนัก ต้องการจะเอาเด็กออกเพราะกลัวไม่มีปัญญาเลี้ยง แต่หมอคัดค้านว่าการทำแท้งจะ
ยิ่งเป็นอันตรายต่อร่างกายของจานเจวียน เมื่อไม่มีทางเลือก ภรรยาของผมจึงอุ้มท้องและคลอดซุนเย่ว์ออกมาเมื่อเดือนกันยายนของปี พ.ศ.2550" ซุน เย่ว์หมิน รำลึกความหลังให้ฟัง
ต่อมาภรรยาผมก็ตั้งครรภ์ แน่นอนเราทั้ง สองควรควรจะดีใจ แต่ผมกับภรรยาทุกข์หนัก ต้องการจะเอาเด็กออกเพราะกลั
ยิ่
จากนั้นเพื่อให้บุ
เดือนพฤษภาคมของปีนี้ ซุน เย่ว์หมินรับงานรับจ้างขุดบ่
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกั
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสองสามีภรรยา ทำให้ภาระหนักมาตกแก่ลูกสาวตัวน้อยที่ปีนี้เพิ่งจะอายุได้ 4 ขวบ หนูน้อยผู้นี้ต้องทำงานบ้านเองแทบทุกอย่าง ทั้ง ก่อไฟ หุงหาอาหาร ซักผ้า รวมทั้งป้อนข้าวป้อนน้ำ เช็ดอุจจาระปัสสาวะให้กับบุพการีที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ด้วยสองมือน้อยๆ ของเธอ ซุน เย่ว์หมินผู้พ่อเล่าว่า ครั้งหนึ่งขณะที่เขานั่งอยู่บนรถเข็นที่ผู้ใจบุญบริจาคมาให้ และกำลังช่วยลูกสาวตัวน้อยทำอาหารอยู่นั้น หนูน้อยซุนเย่ว์ไม่ทันระวังทำชามใส่โจ๊กร้อนๆ หกใส่ขาของผู้เป็นพ่อ จนตกใจร้องไห้โฮ ซุน เย่ว์หมินต้องกอดลูกสาวตัวน้อยเอาไว้และปลอบเธอทั้งน้ำตาเช่นกันว่า "ลูกรัก พ่อไม่โทษหนูหรอก ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะพ่อใช้การไม่ได้เอง"
ซุน เย่ว์หมินเปิดเผยว่า หลายครั้งหลายหนที่เขาและภรรยาพยายามที่จะส่งบุตรสาวคนเดียวไปอยู่ที่อื่น ไปอยู่ในครอบครัวที่ดี เพื่อจะได้มีชีวิตที่ดีกว่านี้ ไม่ต้องมาจมปลักอยู่ในบ้านที่มีแต่คนพิการ ทว่าหนูน้อยซุนเย่ว์ไม่ยอมไป เธอมักจะกอดพ่อไว้แน่นด้วยน้้ำตานองหน้าพลางกล่าวว่า "หนูไม่ไปไหนทั้งนั้น ถ้าหนูไปอยู่ที่อื่นแล้วใครจะเลี้ยงพ่อกับแม่" จากนั้นหนูน้อยจึงเป็นโรคกลัวคนแปลกหน้า เพราะเกรงว่าจะมาเอาตัวเธอไปจากบ้านหลังนี้
หลังจากเวลาผ่านไปพักใหญ่ เมื่อเด็กหญิงซุนเย่ว์เริ่มคุ้นเคยกับผู้สื่อข่าว จึงค่อยๆ คลายความกลัวและกลับมาสาละวนกับงานบ้านต่อไป บางทีก็หันไปหยอกเย้าเล่นกับ
สุนัขของเพื่อนบ้าน ซึ่งดูเหมือนจะมีเพียงเวลานี้เท่านั้น ที่ใบหน้าน้อยๆ เลอะเขม่าควัน เผยรอยยิ้มอันใสบริสุทธิ์ออกมา
สุ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น