วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2554

จริต คน

จริต คน

 รวบรวม โดยเตีย  ที่ดี


จริต
 


  ทำเป็นดัดจริต คำนี้เราได้ยินบ่อยเวลาที่ใครคนใดคนหนึ่งชอบหรือไม่ชอบใคร ที่พอคนได้ฟังแล้ว หูร้อนทั้ง 2 ข้าง วูบวาบบนในหน้า ที่มาว่าเราดัดจริต เราสมควรโกรธเขาไหม หรือว่าเราไม่รู้เรื่องเอง  แล้วจริตที่ว่านี้คืออะไร  เรียนรู้ไว้นำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาตนเองและคนรอบข้าง เรื่องนี้นำมาจาก http://www.jirunghealthvillage.com น่าสนใจครับเลยนำมา รวมมิตร
 

                                        รู้เรื่องจริตกับหลวงพ่อจรัญ-จริตของผู้ปฏิบัติ  
 
     จริต คือ อะไร  แนวคิดเกี่ยวกับ จริต ซึ่งเป็นทฤษฏีบุคลิกภาพที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีการใช้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพมานานกว่า 2,500 ปี ปรากฏหลักฐานอยู่ในพระไตรปิฏก คัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา และเรื่องราวในพุทธประวัติหลายเหตุการณ์ ซึ่งเรื่องของจริตนั้นสังเคราะห์จากแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงพิจารณาจำแนก บุคคล เพื่อเลือกกิจกรรมในการพัฒนาปัญญาให้เหมาะสมกับบุคคลนั้น ๆ ซึ่งทำให้การพัฒนาปัญญาดำเนินไปอย่างได้ผลรวดเร็ว มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูง
      จีรังจริต 6 คือ ทฤษฎีบุคลิกภาพตามแนวพุทธปรัชญา ซึ่งพัฒนาประยุกต์ขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในวงกว้าง เพื่อสร้างเสริม โลกิยปัญญา (รู้แจ้งรู้จริงในความรู้ทางโลก) และโลกุตตรปัญญา (รู้แจ้งเห็นจริงในทางธรรม) โดยมีการพัฒนาโปรแกรมแบบสำรวจที่มีมาตรฐานและความเที่ยงตรงสูงเป็นเครื่องมือในการวัดบุคลิกภาพ
      จริต คือ ลักษณะนิสัยพื้นฐานที่ประพฤติปฏิบัติ เป็นพฤติกรรมตามสภาพของจิตใจอันเป็นปกติของบุคคลนั้น โดยแบ่งออกเป็น 6 แบบ คือ

         

                         หลวงปู่ทองดี อนีโฆ - จริต 6 

1. ราคจริต (คุณรักงาม) มีลักษณะเป็นคนสุนทรีย์ในอารมณ์ รักสวยรักงาม พูดจาอ่อนหวาน สะอาด ประณีต
2. โทสจริต (คุณเก่งเกณฑ์) มีลักษณะเป็นคนจริงจัง เจ้าระเบียบ ใจร้อน โมโหง่าย ชอบชี้นำ พูดดัง เดินเร็ว
3. โมหจริต (คุณฝันซึ้ง) มีลักษณะเป็นคนชอบคิดฝัน ชอบสะสม ยิ้มง่าย พูดไม่เก่ง ไม่ค่อยมั่นใจตนเอง เชื่อคนง่าย
4. วิตกจริต (คุณสลับใจ) มีลักษณะเป็นคนชอบคิดการณ์ไกล แต่เปลี่ยนใจบ่อย หน้าตาไม่ค่อยสดชื่น พูดเก่ง ละเอียดลออ
5. ศรัทธาจริต (คุณเลิศหลง) มีลักษณะเป็นคนนับถือตนเอง เสียสละ มีหลักการ มีศรัทธาแรงกล้าในสิ่งที่เชื่อถือ
6. พุทธิจริต (คุณปัญตา) มีลักษณะเป็นคนมีไหวพริบ จดจำเรียนรู้ได้ดี มีปัญญาดี ประนี   ประนอม สุภาพ มีเมตตาสูง
      เป็นธรรมชาติของบุคลิกภาพแต่ละคนที่จะมีจริตผสมอยู่ทุก แบบแต่สัดส่วนแตกต่างกันไป แต่มักจะมีจริตเด่นในสัดส่วนที่สูงอยู่ 1-2 แบบในคน ๆ เดียวกัน โดยทฤษฏีตามแนวพุทธปรัชญาเชื่อว่า เหตุที่คนเรามีจริตแตกต่างกันเกิดจาก “กรรมในอดีต” และสัดส่วนองค์ประกอบของ “ธาตุทั้ง 4” ภายในร่างกายของแต่ละคน
รู้จริตแล้วได้ประโยชน์อะไร
      ความสำเร็จในชีวิตไม่ว่าจะด้านการศึกษา การงาน ครอบครัว หรือด้านอื่น ๆ มีปัจจัยแห่งความสำเร็จที่สำคัญที่สุด คือ ความสามารถในการทำหน้าที่และมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพได้นั้น จะต้องเข้าใจธรรมชาติของตนเองและผู้อื่นเป็นอย่างดี ว่ามีลักษณะนิสัยพื้นฐานเป็นอย่างไร รู้ข้อดีและข้อจำกัดของกันและกัน เพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ในบทบาทของแต่ละคน ซึ่งล้วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในองค์กรและสังคมประเทศ่ชาติ ซึ่งองค์ความรู้ด้านจริตนั้น จะช่วยให้เข้าใจธรรมชาติของตนเองและผู้อื่นได้อย่างลึกซึ้ง เพราะเป็นบุคลิกภาพพื้นฐานตามที่เป็นจริงในปัจจุบัน
      ประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของการรู้จริตนั้น คือ ประโยชน์ด้านการพัฒนาตนเอง ทั้งในด้านการพัฒนาศักยภาพเพื่อการประกอบอาชีพ และการพัฒนาด้านจิต (อารมณ์) และจิตวิญญาณ(ปัญญา) ซึ่งต้องอาศัยการฝึกปฏิบัติธรรมที่เหมาะสมกับจริต ถึงจะได้ผลดี การ รู้จริตของตน ทำให้เกิดการรับรู้ว่าจะต้องพัฒนาตนเองอย่างไร มีสิ่งใดที่เหมาะสมอยู่แล้ว มีสิ่งใดที่ต้องปรับปรุง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของตนเอง และการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสร้างสรรค์และมีความสุข 
 
ทำอย่างไรถึงจะรู้ว่า “ตนเอง” จริตอะไร

*******
ขอบคุณและสำรวจจริตกับ  http://www.jirunghealthvillage.com/jarit6/
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น